“คมนาคม” คาดเสนอครม. ธ.ค. นี้ สร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกทสภ.

ผู้ชมทั้งหมด 468 

“คมนาคม” เร่งปรับแบบส่วนขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดเสนอ ครม. ธ.ค. 65 เริ่มก่อสร้างปี 66 พร้อมสั่งทอท. ตรวจสอบข้อสัญญาร่วมทุนสนามบินอู่ตะเภา หวั่นพัฒนา “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” กระทบการลงทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ 2/2565 (ครั้งที่ 4) โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองประธานกรรมการ และมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยนายศักดิ์สยาม ระบุว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการถึงความคืบหน้าการศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่าจากการจ้างสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) ศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถนั้นได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งแนวทางการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ต้องดำเนินการตามแผนแม่บท (Master Plan) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณ

ส่วนการจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในขณะนี้ ทอท. อยู่ระหว่างหารือร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง (Agreement) สำหรับการจ้าง ICAO เพื่อให้ได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินงานตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก่อนลงนามในสัญญาจ้าง โดยคาดว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาร่างข้อตกลงแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2565

พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังรับทราบแนวทางการปรับแบบอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางการบินในปัจจุบัน โดยใช้ระยะเวลา 7 เดือน แล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม 2565 และจะนำเสนอคณะกรรมการ ทอท. ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป ดังนั้น คาดว่าจะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างและก่อสร้างได้ในปี 2566 ใช้ระยะเวลา 29 เดือน แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ 65 ล้านคนต่อปี เท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด 19 ได้ในปี 2568

นอกจากนี้ การประชุมในวันนี้ ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ซึ่งได้มอบหมายให้คณะกรรมการฯ พิจารณาข้อร้องเรียนของเอกชนคู่สัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ โดยตรวจสอบผลกระทบจากทั้ง 2 สนามบิน (ดอนเมือง/สุวรรณภูมิ) ต่อสนามบินอู่ตะเภาด้วย

โดยที่ประชุมมอบหมายให้ ทอท.พิจารณาตรวจสอบข้อสัญญาและเงื่อนไขการร่วมลงทุนโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ให้ชัดเจนว่า การพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองของ ทอท. มีลักษณะส่งผลกระทบต่อการประกอบการ และ/หรือการดำเนินโครงการฯ และวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ อันเป็นการกระทำที่ผิดต่อสัญญาร่วมลงทุนตามข้อใดหรือไม่

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า การประเมินงบลงทุนในการก่อสร้างส่วนต่อขยาย East Expansion ยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้ เพราะต้องรอผลศึกษาของ ICAO และการปรับแบบให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งแบบใหม่นั้นมีการเพิ่มพื้นที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งงบลงทุนอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านั้นราว 7,830 ล้านบาท

ทั้งนี้ส่วนต่อขยาย East Expansion มีพื้นที่ 66,000 ตารางเมตรหากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี และเมื่อรวมกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT1) ที่รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปีก็จะส่งผลให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้เพิ่มเป็น 75 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังไม่รวมอาคารส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตก (West Expansion) รองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปี และโครงการส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) รองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปี และขยายได้ถึง 40 ล้านคนต่อปี

ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนคู่สัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ร้องเรียนให้ตรวจสอบแผนการพัฒนาสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ว่าจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาหรือไม่นั้นตนได้ชี้แจงแล้วว่า แผนพัฒนาสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมินั้นเป็นแผนแม่บทที่มีมาก่อนที่จะมีการประกวดราคาพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ดังนั้นผู้ที่ซื้อซองเอกสารประกวดราคาย่อมทราบดีว่ามีแผนการพัฒนาสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิอยู่แล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน