“คีรี”ลั่นถูกกลั่นแกล้งปิดกั้นไม่ให้ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชี้ไม่เคยโกง 

ผู้ชมทั้งหมด 544 

คีรี”ลั่นถูกกลั่นแกล้งปิดกั้นไม่ให้ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชี้ไม่เคยโกง แถมให้รัฐติดหนี้สายสีเขียวเกือบ 5 หมื่นล้านยืนยันไม่หยุดเดินรถบีทีเอสแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และพ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกรณี การแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง , สายสีลม สถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และการต่อสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางสถานีหมอชิต-อ่อนนุชและสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี เพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585 

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยืนยันว่าการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และปราศจากการฮั้วประมูลใด ๆ ซึ่งบริษัทฯ ทราบว่าก่อนการจ้างในครั้งนี้ ทาง กทม.ได้มีการหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาในปี 2550 และได้วินิจฉัยสรุปว่า การที่กรุงเทพมหานคร มอบหมายให้ บริษัทกรุงเทพธนาคมดำเนินโครงการ และบริษัทกรุงเทพธนาคม มาว่าจ้างเอกชนเดินรถ โดยได้รับค่าจ้างเป็นการตอบแทนมิใช่การร่วมลงทุนกับเอกชน นอกจากนั้นการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ได้ผ่านการสอบสวน จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในปี 2555 แล้ว โดยหลังสิ้นสุดการสอบสวนในปี 2556 กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานอัยการสูงสุดได้เห็นควรไม่ฟ้องบีทีเอส

นายคีรี กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัทฯ อย่างมาก และส่วนตัวมองว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ตนเป็นคนชอบสู้และยอมไม่ได้ถ้าไม่ถูกต้องจริงๆ ต้องสู้ และประวัติการทำงานที่ผ่านมาก็ไม่มีมลทิน ไม่ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง และมีประสบการณ์ได้รับสัมปทานใหญ่ๆมาเยอะ จึงสนใจลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นความคิดของนายจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในสมัยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ยืนยันได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เพราะเป็นโครงการที่ดี และมีประโยชน์จริงๆ  

นายคีรี กล่าวว่า ข้อมูลของ ป.ป.ช.หลุดออกมายังสื่อมวลชนได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ เป็นข้อมูลในสำนวน แม้กระทั่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้ผม ยังตีตรา “ลับ” แล้วสื่อเอาข้อมูลในสำนวนออกมาเปิดเผยได้อย่างไร แสดงให้เห็นว่า มันมีขบวนการจ้องทำลายบีทีเอสอยู่จริง  ซึ่งตนไม่ได้กลัวการต่อสู้ทางคดี เพราะมั่นใจการทำงานของพนักงานทุกคนว่าทำงานบนพื้นฐานความถูกต้อง ชอบธรรม แต่ที่ทำกันอยู่เวลานี้คือ การใช้ยุทธวิธีแบบสกปรกหรือไม่ ประธานป.ป.ช.ต้องหาคนปล่อยข้อมูลนี้ออกมาว่า เป็นใคร มีจุดประสงค์อะไร 

“การดึงบีทีเอสเข้าไปสู่ขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว เพื่อเอาชนักปักหลังผม ให้หยุดเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แต่คนอย่างผมไม่เคยยอมเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เรื่องเลยมาจบแบบนี้ จึงอยากให้ทุกคนเห็นภาพการต่อสู้และผลของการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ผมดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาหลายสิบปี ผมเป็นนักธุรกิจ เป็นนักลงทุน ซึ่งกำไรที่ผมได้รับมา ผมไม่ได้เอาเปรียบประเทศ ผมตอบแทนคืนสู่ประเทศและสังคม ผมประมูลต่อสู้ด้วยตัวเลขที่แฟร์ๆไม่มีการฮั้วกับใคร”นายคีรี กล่าว และว่า เรื่องนี้มีขบวนการที่ต้องการให้บีทีเอสได้รับความเสียหายถึงขนาดให้ล้มละลายเลย เริ่มตั้งแต่การไม่จ่ายเงินค่าจ้างเดินรถ และค่าระบบให้บีทีเอสจำนวนกว่า 40,000 ล้านบาท จนบีทีเอสต้องฟ้องศาลบังคับให้ชำระหนี้และศาลปกครองกลางได้พิพากษาแล้วให้ชำระหนี้ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการชำระ และปล่อยให้พอกพูนมาเป็นจำนวนเกือบ 50,000 ล้านบาทแล้ว 

นายคีรี กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันว่า บีทีเอสจะไม่หยุดเดินรถอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้โดยสาร และไม่ทำให้ประชาชนลำบาก และยังมีความแข็งแรงทางการเงิน แต่หากถึงวันที่ไม่ไหวจริงๆ ก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้าและทุกวันนี้ก็เดินรถด้วยเงินของบีทีเอส ไม่ใช่ของเงินรัฐบาล เพราะรัฐยังไม่ยอมจ่ายหนี้ที่ค้างอยู่ 

ด้านพ...สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการฯ กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช. เพื่อขอรายละเอียดว่าบริษัททำอะไรผิด ที่ไหน อย่างไร กับใครบ้าง เพราะเอกสารที่ส่งข้อกล่าวหามามีแต่เรื่องการกระทำของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องการทราบข้อเท็จจริง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ถูกกลั่นแกล้งหรือต้องการทำลายบีทีเอสเพราะหากไม่ถูกต้องก็ไม่ยอมและพร้อมต่อสู่ถึงที่สุด