“ศักดิ์สยาม”สั่งกทพ.-ทล.ร่วมกันลงทุนขยายทางด่วน

ผู้ชมทั้งหมด 886 

“ศักดิ์สยาม” สั่งให้กทพ.เร่งขยายโครงข่ายทางด่วนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่างจังหวัด บูรณาการร่วมกับกรมทางหลวง พร้อมดำเนินการแก้ปัญหาคอขวดจุดขึ้นลงทางด่วน นำระบบกล้องอ่านทะเบียนรถอัตโนมัติเชื่อระบบชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ติดตั้งระบบ M-FLOR ด่านเก็บเงิน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ครบรอบ 48 ปี ว่า ได้มอบหมายให้กทพ.ไปดำเนินการศึกษาบูรณาการความร่วมมือกับกรมทางหลวง (ทล.) ในการลงทุนก่อสร้างขยายโครงข่ายทางด่วน และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ในต่างจังหวัด โดยการลงทุนพัฒนาทางด่วนให้เป็นหน้าที่ของกรมทางหลวง แล้วให้ กทพ.เป็นผู้บริหาร ทั้งนี้ในการขยายการลงทุนในโครงการต่างๆ นั้นก็ต้องคำนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชนสูงสุด และรัฐได้ประโยชน์สูงสุดอย่างไร พร้อมกับยึดมั่นในระเบียบกฎหมายหลักธรรมาภิบาล

พร้อมกับได้ให้ กทพ. เร่งแก้ไขปัญญาคอขวดจุดขึ้นลงทางด่วน โดยให้ไปบูรณาการร่วมกับกรมทางหลวงในการบริหารจัดการทางถนนเพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดให้เกิดความสะดวกสบายในการเดินทาง และเกิดความปลอดภัย โดยจะเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการให้บริการประชาชนมากขึ้น โดยนำระบบกล้องอ่านทะเบียนรถอัตโนมัติ ที่เชื่อมต่อข้อมูลกับกรมขนส่งทางบกมาใช้ร่วมกับระบบชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และบูรณาการทำงานในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน

พร้อมกันนี้ยังเตรียมนำร่องใช้งานระบบ M-Flow ในโครงการทางพิเศษฉลองรัช และด่านฯ ที่เป็นจุดรองรับการจราจรทิศทางขาเข้าเมือง ที่มีปริมาณจราจรหนาแน่น คาดว่าจะเปิดให้บริการระบบ M-Flow    ในระยะแรกที่ด่านฯ จตุโชติ ด่านฯ สุขาภิบาล 5-1 และด่านฯ รามอินทรา ของทางพิเศษฉลองรัช ในราวเดือนกรกฎาคม 2564 รวมถึงนำไปใช้กับทางพิเศษที่ กำลังดำเนินการก่อสร้างคือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และโครงการทางพิเศษฉลองรัช – นครนายก -สระบุรี อีกด้วย

​นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า กทพ. ได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายระบบทางพิเศษให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน

ขณะเดียวกัน กทพ.จะเร่งดำเนินโครงการขยายโครงข่ายทางด่วนเพิ่มเติมทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย​ปัจจุบัน กทพ. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก ซึ่งจะเป็นโครงข่ายทางพิเศษที่เชื่อมโยงการเดินทางในแนวรัศมีระหว่างกรุงเทพฯ กับพื้นที่ทางด้านตะวันตกของกรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2565

นอกจากนี้ กทพ. ยังอยู่ระหว่างดำเนิน โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา – อาจณรงค์ (S1) กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังจากสรุปผลการศึกษาความเหมาะสม คาดว่าจะใช้เวลาออกแบบรายละเอียดประมาณ 1 ปี ก่อสร้าง 2 ปี และจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2566 มีวงเงินลงทุน เบื้องต้นประมาณ 1,600 ล้านบาท

โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 เชื่อมไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายงานขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต วงเงินลงทุน 14,177 ล้านบาท  ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการในขั้นตอนการเสนอโครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562  และขออนุญาตใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ ล่าสุดได้รับอนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้แล้ว 2 พื้นที่ คาดว่าจะเสนอให้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการได้ในต้นปี 2564

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการศึกษาโครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี  โครงการทางเชื่อมต่อทางพิเศษบูรพาวิถีและถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี ตลอดจนศึกษาแผนแม่บททางพิเศษในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น อีกด้วย