“ศักดิ์สยาม” สั่ง AOT ศึกษา บริหารสนามบินในพื้นที่ MR-MAP

ผู้ชมทั้งหมด 592 

ศักดิ์สยาม” สั่ง AOT ศึกษาบริหารสนามบินในพื้นที่ MR-MAP เพิ่ม หวังช่วยยกระดับการรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขณะที่ความคืบหน้าการสิทธิบริหาร 3 สนามบิน อุดรธานี กระบี่ และบุรีรัมย์ เตรียมชงครม.ภายในเดือน ม.ค. นี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และกรมท่าอากาศยาน ร่วมกันศึกษาความเหมาะสมของท่าอากาศยานที่อยู่ในพื้นที่โครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-MAP) ว่าควรนำท่าอากาศยานเหล่านี้มาบริหารเป็นท่าอากาศยานนานาชาติเมื่อไหร่ เพื่อยกระดับการรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ สนับสนุนการพัฒนาเมืองและการเดินทางเชื่อมต่อด้วย MR-MAP

สำหรับโครงการ MR-MAP เป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคม เบื้องต้นศึกษาแนวเส้นทางที่เหมาะสมรวม 10 เส้นทาง และมีเส้นทางศักยภาพที่คาดว่าจะนำมาพัฒนาได้ก่อนจำนวน 4 เส้นทาง ประกอบด้วย

1.เส้นทาง MR2 กรุงเทพฯ/ชลบุรี (แหลมฉบัง)-หนองคาย (ด่านหนองคาย) ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง 2.เส้นทาง MR5 กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) ช่วงนครราชสีมา-อุบลราชธานี 3.เส้นทาง MR8 ชุมพร-ระนอง และ 4.เส้นทาง MR10 เชื่อมต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ส่วนความคืบหน้าการมอบสิทธิบริหารจัดการ 3 ท่าอากาศยานของทย. ให้ AOT ประกอบด้วย ท่าอากาศยานอุดรธานี กระบี่ และบุรีรัมย์ ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมธนารักษ์ ในประเด็นอัตราค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งกระทรวงฯ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ม.ค.นี้ พิจารณาอนุมัติโอนสิทธิ

ทั้งนี้ภายหลังจากที่ ครม.อนุมัติในการโอนย้ายท่าอากาศยาน 3 แห่งของ ทย. แล้วทางกรมธนารักษ์ก็จะดำเนินการทำสัญญาโดยตรงกับ AOT ต่อไปในการเข้ามาบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี กระบี่ และบุรีรัมย์ จากเดิมเป็นสัญญาระหว่าง ทย.กับกรมธนารักษ์ ซึ่งขณะนี้กรมธนารักษ์กำลังพิจารณารายละเอียดค่าเช่าที่เหมาะสม เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน โดยทางกรมธนารักษ์จะคิดค่าผลประโยชน์ตอบแทน ค่าที่ดินในอัตราที่ AOT เคยจ่ายให้ในอัตราเดียวกับ 6 ท่าอากาศยานที่ AOT บริหารอยู่ในปัจจุบัน

โดยสัญญาที่ AOT จะเข้ามาบริหารท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่งใหม่นั้นจะเป็นสัญญาระยะยาว 30 ปี ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ ทย.ทำไว้เป็นสัญญาต่อทีละ 3 ปี ทั้งนี้กระทรวงฯ ยืนยันว่าการมอบสิทธิให้ AOT เข้ามาบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี กระบี่ และบุรีรัมย์ นั้นเป็นแนวทางที่จะร่วมกันพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการท่าอากาศยาน ที่มีอยู่ของ ทย.ซึ่งเป็นท่าอากาศยานของภาครัฐ ให้มีความสามารถในการจัดหารายได้ให้มากขึ้น โดยที่ ทย.ยังได้รับเงินชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากการมอบความรับผิดชอบดังกล่าว

“ทย.จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการบริหารงานที่คล่องตัว ของ ทอท. ซึ่งรายได้ชดเชยส่วนนี้ ทย.สามารถนำไปบริหารจัดการท่าอากาศยานที่เหลืออยู่ เพื่อลดการใช้เงินงบประมาณของภาครัฐในการดำเนินงาน และการมอบสิทธิบริหารท่าอากาศยานให้ ทอท.นั้น กระทรวงฯ ยืนยันว่าไม่ได้มีการโอนทรัพย์สินของรัฐไปให้กับทาง ทอท. แต่อย่างใด แต่เป็นการมอบความรับผิดชอบในการบริหารจัดการผ่านสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ ส่วนรายได้ของ ทย.ที่หายไป ทาง ทอท. ก็มีการชดเชยให้”นายศักดิ์สยาม กล่าว