สกนช.กาง 4 แผนงานปี 65 รักษาเสถียรภาพน้ำมัน-LPG

ผู้ชมทั้งหมด 723 

สกนช. หวังราคาน้ำมันดิบ -LPG ทยอยปรับลดลง หลังพ้นฤดูหนาวเดือน ก.พ.ปี 65 พร้อมงัด 4 แผนงานรับมือสร้างเสถียรภาพกองทุนน้ำมันฯ เตรียมทบทวนแผนรองรับวิกฤติฯ ดูความเหมาะสมกำหนดเพดานราคาดีเซลใหม่ หาจังหวะเลิกชดเชย LPG และน้ำมันชีวภาพ   

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานของ สกนข. ในปี2565 ประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การทบทวนแผนรองรับวิกฤติน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากเดิม(20 ตุลาคม 2563)ไม่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงจำเป็นต้องทบทวนแผนใหม่ โดยจะนำตัวเลขด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องมาศึกษาทบทวนเพื่อกำหนดระดับราคาวิกฤตด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนทบทวนสถานการณ์ต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก

“ตอนนี้ มีหลายฝ่ายเรียกร้องเรื่องเพดานราคาดีเซล ที่ปัจจุบันกำหนดตรึงราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ทั้งผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาสะท้อนราคาที่เหมาะสม ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการ เช่น กลุ่มรถบรรทุก อยากเห็นราคาไม่เกิน 25 บาทต่อลิตร ก็จะต้องนำข้อมูลรอบด้านมาพิจารณาเพดานที่ควรจะเป็นอีกครั้ง”

2.ระบบติดตามและการเชื่อมโยงข้อมูลกรมสรรพสามิต และ สกนช. โดยจัดให้มีระบบฐานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเบิกจ่ายเงินชดเชยให้เกิดความรวดเร็วและถูกต้อง

3.การทบทวนแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2566 – 2670 ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่จะมุ่งเน้นให้สอดคล้องแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ

4.แผนลดการชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ให้หยุดชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพภายใน 3 ปี (สิ้นสุดวันที่ 24 กันยายน2565) และสามารถขยายเวลาการลดการชดเชยได้ 2 ครั้งๆ ละ 2 ปี แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการลดการชดเชยให้คำนึงถึงเกษตรกร สกนช. จึงได้หารือกับสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนขอขยายการชดเชยโดยให้สอดคล้อง กับสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน และจะดำเนินการในจังหวะที่เหมาะสม 

แนวโน้มราคาพลังงานในปี 2565 คาดว่าราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) จะเริ่มปรับลดลงหลังผ่านพ้นฤดูหนาว เนื่องจากความต้องการใช้จะปรับลดลง โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะผ่านจุดสูงสุดแล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 และคาดว่าจะสามารถเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565

ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ต้องชดเชยราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และLPG อยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งมีเงินไหลออกประมาณ 5,963 ล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็น การชดเชยราคาดีเซลอยู่ที่ 4,276 ล้านบาทต่อเดือน และชดเชยราคาLPG อยู่ที่ 1,687 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2564 ติดลบ 3,072 ล้านบาทแบ่งเป็น กองทุนน้ำมันฯ เป็นบวก 19,223 ล้านบาท และกองทุน LPG ติดลบ 22,295 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเป็นประธาน คาดว่าจะมีการพิจารณาขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)ต่อไปอีก 1-2 เดือน จาก มติกบง.เดิมตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง15กิโลกรัม(กก.)จนถึง 31 ธันวาคม 2564 เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนซึ่งหากมติกบง.เห็นชอบตามแนวทางดังกล่าวก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)เพื่อพิจารณาขยายกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีLPG เพื่อตรึงราคาจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 23,000 ล้านบาทเป็นวงเงินไม่เกิน 24,000-25,000 ล้านบาท

“คาดว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะผ่านจุดสูงสุดแล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 ทำให้มีการประเมินว่าจะสามารถเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่วน LPG น่าจะเป็นช่วงก.พ. 65 ราคาก็น่าจะลงต่อเนื่อง หากระดับราคาLPG คาร์โก้เฉลี่ย400-430 เหรียญฯต่อตัน ค่าเงินบาทไม่เกิน 33 บาทต่อเหรียญฯก็จะเป็นระดับที่เหมาะสมในการลดการอุดหนุนลงได้”

สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 (1 ต.ค.63 – 30 ก.ย.64) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตด้านน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการรักษาระดับขายปลีกก๊าซ LPG ประมาณ 9,532 ล้านบาท นอกจากนี้ สกนช. ยังมีการชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพในประเภทน้ำมันเบนซินประมาณ 9,054 ล้านบาท และน้ำมันดีเซลประมาณ 24,469 ล้านบาท

ทั้งนี้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกลดลงแต่ยังคงมีความผันผวนในช่วงวันที่ 17 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม 2565 น้ำมันดูไบจาก 80.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 73.33 เหรียญต่อบาร์เรล น้ำมันดีเซลจาก 91.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 85.27 เหรียญต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินจาก 95.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 88.45 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วน LPG cargo จาก 798.50 เหรียญต่อตัน เป็น 682 เหรียญต่อตัน สาเหตุความผันผวนยังคงเป็นเรื่องของเชื้อไวรัสโคโรนาโอมิครอน และการไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันเของกลุ่มโอเปกพลัส

ขณะที่ความคืบหน้ากองทุนน้ำมันฯ กู้เงินจากสถาบันการเงิน จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นั้น หลังจากส่งหนังสือไปยังสถาบันการเงิน 10 แห่ง ซึ่งจะยื่นหนังสือตอบกลับภายในวันที่ 31 มกราคม 2565 ปัจจุบัน สกนช.ได้รับการติดต่อจากสถาบันการเงินหลายแห่ง คาดว่าเงินกู้ดังกล่าวจะเข้ามาภายในเดือนมิถุนายน 2565 นอกจากนี้ยังมีเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) อีก 1 หมื่นล้านบาท แต่ในส่วนนี้ต้องรอบรรจุไว้ในแผนของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ก่อน