สหรัฐฯ ยุโรปผ่อนคลายล็อกดาวน์หนุนราคาน้ำพุ่ง

ผู้ชมทั้งหมด 1,903 

สนพ. ระบุหลังจากสหรัฐฯและยุโรปเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจ ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบ-เวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 63.86 และ62.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า  ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปมีสัญญาณการขยายตัวดีขึ้นส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ดัชนี PMI ของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าเกิดการขยายตัวในภาคการผลิตและบริการ ขานรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีการฉีดวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ในวงกว้าง

อย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงความรุนแรงในอินเดีย และในญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุง Tokyo, Kyoto, Osaka และ Hyogo โดยบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงวันหยุดเทศกาล Golden week ระหว่างวันที่ 25 เม.ย. – 11 พ.ค. 64

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันของประเทศไทยแตกต่างกับประเทศเพื่อนบ้านหากพิจารณาจากโครงสร้างราคาน้ำมันอ้างอิงนั้น   จะประกอบด้วย 1) ต้นทุนเนื้อน้ำมัน คือ ต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเชีย 2) ภาษีต่างๆ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม  เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศและบำรุงท้องถิ่น

3) กองทุนต่างๆ เช่น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน  กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน: เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน   4) ค่าการตลาด  คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่ การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลก

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกในช่วงวันที่ 19 – 25 เมษายน 2564 นั้นราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 63.86 และ 62.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.98 และ 0.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลสอดคล้องกับเศรษฐกิจของยุโรปที่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากหลายประเทศได้คลายมาตรการล็อกดาวน์ และประเทศลิเบียได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงเหลือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณกับธนาคารกลางของประเทศ

ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดเอเชีย

ส่วนราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชียนั้นราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 75.11  สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 เฉลี่ยในระดับ 72.85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยในระดับ 73.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.30,  1.38 และ 1.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  จากอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในจีนอีกทั้งแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  ในอินเดียและญี่ปุ่น

ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซล (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 69.71 เหรีญต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากประเทศแถบยุโรปเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมันดีเซล ส่วนค่าเงินบาทของไทย แข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.09 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.4695 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.21 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.14 บาท/ลิตร)  

ส่วนฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ณ วันที่ 25 เม.ย. 64) กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 56,843 ล้านบาท หนี้สินกองทุนน้ำมันฯ 35,420 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 21,423 ล้านบาท (บัญชีน้ำมัน 33,426  ล้านบาท บัญชี LPG -12,003  ล้านบาท