อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมกับสถานทูตเยอรมัน ชวนสูดโอโซนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ “ผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต”

ผู้ชมทั้งหมด 2,570 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) และอุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) การเดินป่าเขาใหญ่นอกจากได้ศึกษาธรรมชาติแล้วยังได้รับโอนโซนดี ซึ่งเส้นทางเดินป่า “ผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต” เป็นอีกเส้นทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินศึกษาธรรมชาติในระยะสั้นใช้เวลาไม่มาก

โครงการการปรับปรุง “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ไทย-เยอรมันครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต)” ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร นั้นเป็นความร่วมมือไตรภาคีระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย มูลนิธิอมตะ และบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เพื่อพัฒนาเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติให้สะดวก สบายในการเดิน แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติเช่นเดิม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้และเสริมสร้างประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวในเรื่องการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

โดยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย มูลนิธิอมตะ และบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ได้จัดพิธีเปิด “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ไทย-เยอรมันครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต)” เพื่อรำลึกวาระความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ในวาระครบรอบ 160 ปี ความสัมพันธ์ไทย – เยอรมัน โดยมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ เข้าร่วมพิธีเปิด

สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้จะเชื่อมระหว่างสองน้ำตก เป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามลำห้วยลำตะคอง ผ่านป่าไผ่สลับกับป่าดิบ-แล้งเป็นระยะๆ ภายในเส้นทางจะได้ยินเสียงดังกึกก้อง ของน้ำตกผากล้วยไม้ในฤดูฝน แต่เมื่อน้ำลดลงในฤดูแล้ง จะได้พบเห็นร่องรอยการไหลของหินลาวาภูเขาไฟเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน รวมทั้งดอกไม้หินซึ่งเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกที่จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้ได้พบเห็นด้วย รวมทั้ง หวายแดง อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกที่ผลิดอกเป็นช่อยาวสีแดงโดดเด่นบริเวณผาน้ำตกในช่วงเดือนเมษายน โดยใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด   (มหาชน) หรือ BGRIM และกรรมการ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิด “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ไทย-เยอรมันครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต)” เพื่อเฉลิมฉลองของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณะรัฐเยอรมนี ซึ่งเริ่มต้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้มีการสานต่อความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางการค้า ด้านการเศรษฐกิจและวิชาการ การถ่ายทอดวิชาการและเทคโนโลยี การส่งเสริมเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ การแบ่งปันเทคโนโลยีการผลิตสาขาการเกษตรและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการจัดการทรัพยากรน้ำให้ยั่งยืน และความร่วมมือกันพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานในด้านความสัมพันธ์ทางการค้า ภาคเอกชนในระยะแรกมีการค้าหลากหลาย

โดย บี.กริม เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยังคงดำเนินกิจการในไทยจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลายาวนานถึง 144 ปี เริ่มต้นจากการเข้ามาเปิดห้างขายยาตำหรับตะวันตก จนถึงปัจจุบันมีการดำเนินธุรกิจหลายหลายประเภท ทั้งด้านอุตสาหกรรม ด้านสุขภาพ ด้านไลฟ์สไตล์ ด้านคมนาคม โดยมีธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจหลัก โดยมุ่งสร้างประโยชน์ให้กับสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย

การเปิด “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ไทย-เยอรมันครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต)” ในครั้งนี้ ยังเป็นการตอกย้ำความสำคัญในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของทั้งสองประเทศผ่านความร่วมมือกัน เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ในการอนุรักษ์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาธรรมชาติตลอดเส้นทางที่เชื่อมระหว่างสองน้ำตก

“การปรับปรุงเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศไทย สะท้อนถึงความร่วมมือกันด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของทั้งสองประเทศ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ในครั้งนี้”

นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของ บี.กริม ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตลอด 144 ปี ภายใต้ปรัชญา การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างความศิวิไลซ์ ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคม พร้อมให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า