ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับ 70-79 เหรียญฯ

ผู้ชมทั้งหมด 676 

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 70-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 74-79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังอุปสงค์ยังเติบโตต่อเนื่องสูงกว่าอุปทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ (27 ก.ย.-1ต.ค.64) ว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ไทยออยล์ประเมินว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปริมาณการผลิตและการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

โดย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ย. 64 ปรับตัวลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 414 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 0.96 ล้านบาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มปรับลดลงและการฉีดวัคซีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สหรัฐฯ อนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติกว่า 33 ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ครบทั้ง 2 เข็มแล้วและมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ ได้ในเดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป โดยการผ่อนปรนมาตรการในครั้งนี้จะทำให้นักเดินทางไม่ต้องกักตัว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 แสนบาร์เรลต่อวัน

การกลับมาดำเนินการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกยังล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของบริษัท Shell ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตให้หายไปราว 0.2 – 0.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดจะสามารถกลับมาผลิตได้อย่างเร็วที่สุดภายในสิ้นปี 2564 

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังให้จับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 4 ต.ค. ว่ากลุ่มผู้ผลิตจะมีการเดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนเดิมหรือไม่ หลังความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและผู้ผลิตบางประเทศออกมาเรียกร้องให้มีการปรับเพิ่มโควต้าการผลิตขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตมีการเพิ่มกำลังการผลิตที่ประมาณ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน ส.ค.64 เป็นต้นไปจนกว่าระดับการผลิตที่ทางกลุ่มมีการปรับลดตั้งแต่ต้นปี 64 จะหมดลงในเดือน ก.ย. 65

ส่วนอีกปัจจัยที่ต้องจับตา คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังตลาดมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในจีนที่อาจจะไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่มีแนวโน้มจะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) ในการประชุมเดือน พ.ย. และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในกลางปีหน้า อย่างไรก็ตาม จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ต่ำจนถึงปีหน้า

การผลิตน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังก่อนหน้านี้มีการปรับลดแท่นขุดเจาะลงในช่วงที่เกิดพายุเฮอร์ริเคนไอด้าและนิโคลาส โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ย. 64 ปรับเพิ่มขึ้น 10 แท่นไปอยู่ที่ระดับ 421 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 64

ด้านเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและบริการจีนเดือน ก.ย. 64 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและบริการสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 64 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและบริการยูโรโซน เดือน ก.ย. 64 และ GDP ไตรมาส 2/2564 ของสหรัฐฯ