AOTติดตั้งระบบCUPPSเช็คอิน-โหลดกระเป๋าอัตโนมัติ

ผู้ชมทั้งหมด 1,210 

AOT เร่งติดตั้งระบบ CUPPS เช็คอิน-โหลดกระเป๋าอัตโนมัติในสนามบินสุวรรณภูมิ คาดครบ 180 จุด ก.ค. นี้ ช่วยลดเสี่ยงสัมผัสผู้โดยสาร หวังรัฐเร่งฉีดวัคซีนช่วยหนุนผู้โดยสารฟื้นตัว

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT  เปิดเผยว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งระบบการให้บริการระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) ประกอบด้วยระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสให้กับผู้โดยสารในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  เนื่องจากเป็นระบบที่ผู้โดยสารสามารถดำเนินการได้เอง ทั้งหมดโดยไม่ต้องเข้าคิว เพื่อรอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ประจำเค้าเตอร์ปกติ

โดยการเร่งติดตั้งจุดเช็คอินอัตโนมัติในช่วงที่ท่าอากาศยานมีผู้ใช้บริการจำนวนน้อยนั้นคาดว่าจะสามารถดำเนินการติดตั้งครบทั้ง 180 จุดภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และพร้อมที่จะรองรับการเปิดน่านฟ้า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 คลี่คลาย

ทั้งนี้ระบบ CUPPS จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารได้มากขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารสามารถทำการเช็คอินผ่านแอพพลิเคชั่นของ AOT App ได้ก่อนออกจากบ้าน เมื่อมาถึงสนามบินสามารถใช้บริการโหลดกระเป๋าผ่านระบบอัตโนมัติได้ หากน้ำหนักกระเป๋าเกินอัตราที่สายการบินกำหนดก็สามารถใช้บัตรเครดิตชำระส่วนต่างค่าน้ำหนักกระเป๋าได้ทันทีจากนั้นสามารถเดินเข้าสู่จุดตรวจบัตรพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Bio-metrix) เดินทางขึ้นเครื่องบินได้ต่อไป

น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิกล่าวว่า ระบบ CUPPS จะช่วยลดขั้นตอนในการเช็คอินลงผู้โดยสารไม่ต้องเผื่อเวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทาง เพื่อรอให้สายการบินเปิดเค้าน์เตอร์เช็คอิน เพราะเช็คอินที่บ้านได้ผ่าน  AOT App เมื่อมาถึงสนามบินก็เช็คอินโหลดกระเป๋าได้เอง

สำหรับปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลังจากเกิดการระบาดของโควิด – 19 ระลอกใหม่นี้ ส่งผลให้ผู้โดยสารเฉลี่ยเหลือเพียงวันละ 5,500 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารในประเทศ 3,500 คน ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุด อย่างไรก็ตามหลังจากรัฐบาลเร่งดำเนินการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้เริ่มที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้โมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในเดือนกรกฎาคม 2564 หากประสบผลสำเร็จก็อาจะมีการขยายผลไปยัง สมุย พะงัน พัทยา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเดินทางอากาศได้มากขึ้น