AOTเล็งMOUก.เกษตรฯตั้งศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตร

ผู้ชมทั้งหมด 1,218 

“คมนาคม” เดินหน้าผลักดันโครงการช่องทางพิเศษสำหรับสินค้าเน่าเสียง่าย มอบหมาย AOT เร่งทำ MOU กระทวงเกษตรฯ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก หวังลงนามให้ได้ พ.ย. 64

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รวค.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตามนโยบายและงานสำคัญของกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) ด้วยระบบ Zoom Cloud Meetings ว่า

ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าผลการดำเนินโครงการช่องทางพิเศษสำหรับสินค้าเน่าเสียง่าย (Perishable Premium Lane : PPL) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) เพื่อเป็นศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าการเกษตรก่อนส่งออกไปยังประเทศปลายทาง

โครงการนี้ในระยะแรกจะดำเนินการจัดตั้งสถานที่สำหรับเตรียมสินค้าเกษตร สินค้าเน่าเสียง่าย และตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งออกต่อไปในอนาคตผ่านทางช่องทางพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงสถานที่ให้บริการ บริเวณอาคารคลังสินค้า 4 (WH4) อยู่ภายในเขตปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยดำเนินงานผ่านบริษัทจำกัดในนาม บริษัท ท่าอากาศยานไทย ทาฟ่า โอเปอเรเตอร์ จำกัด (AOT TAFA Operator Co.,Ltd : AOTTO) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ทอท. และ บริษัท ทาฟ่า คอนซอร์เที่ยม จำกัด

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณารายละเอียดของการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงคมนาคม โดย ทอท. และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร เกี่ยวกับแผนการดำเนินงานในระยะยาวของโครงการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรก่อนส่งออก (Pre-shipment Inspection Center) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทั้งสองกระทรวงในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร และการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรก่อนส่งออกทางอากาศไปยังประเทศปลายทางได้อย่างมีมาตรฐานสากล และเป็นการยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบสินค้าเกษตรให้แก่ผู้ส่งออกและเกษตรกรไทย

รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าภาคเกษตรเพิ่มมูลค่าประเภท พืช ผัก ผลไม้ ไปสู่ตลาดต่างประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางอากาศและระบบโลจิสติกส์ในภาพรวมของประเทศ โดยในระยะแรกจะเริ่ม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจะขยายต่อไปยังท่าอากาศยานอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่วมมือกันในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้  1. ร่วมกันพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงขึ้น  2. ร่วมกันวางระบบการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรก่อนบรรทุกขึ้นเครื่องบิน (pre-shipment inspection) เพื่อขนส่งไปยังประเทศปลายทาง

3. ร่วมกันผลักดันและโน้มน้าวให้ประเทศคู่ค้าตระหนักถึงประโยชน์ของการตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนบรรทุกขึ้นเครื่องบิน 4. ร่วมกันผลักดันและโน้มน้าวให้ประเทศคู่ค้าส่งเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรหรือหน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจมาตรวจสอบสินค้าเกษตร ณ ท่าอากาศยานของไทยก่อนบรรทุกขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศปลายทาง

5. จัดตั้งคณะทำงานหรือคณะเจรจาเพื่อติดต่อประสานงานกับประเทศต่าง ๆ หรือหน่วยงานหรือองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ 6. ร่วมกันจัดสัมมนาหรือการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของทั้งสองฝ่าย หรือให้แก่บุคคลภายนอก รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน 7. ร่วมกันพัฒนาระบบดิจิตอลหรือโซลูชั่นเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และเพื่อประสานการทำงานของทั้งสองกระทรวงภายใต้ MOU ฉบับนี้ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน 8. จัดตั้งงบประมาณเชิงบูรณาการเพื่อดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้ MOU ฉบับนี้ และ 9. ดำเนินกิจกรรมร่วมกันในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ยังได้มอบหมายให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กับ ทอท. เร่งจัดทำรายละเอียด MOU ระหว่างกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถลงนามได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 รวมถึงจัดทำ Action Plan เพื่อให้การดำเนินงานเกิดความชัดเจน และสามารถมุ่งไปสู่การพัฒนาเป็นศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certified Hub) ในอนาคต ทั้งนี้จะมีการกำหนดการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานดังกล่าวในเดือนพฤษภาคม 2565 ต่อไป