AOT ลุ้นจีนเปิดประเทศหนุนผู้โดยสารโตทะลุ 142 ล้านคน 

ผู้ชมทั้งหมด 313 

AOT ครบรอบ 43 ปี พร้อมก้าวสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มตัว ลุ้นจีนเปิดประเทศหนุนผู้โดยสารปี 65 โต 33% ปี66 และ67 คาดผู้โดยสาร 96 ล้านคน 142 ล้านคนตามลำดับ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AOT มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจสนามบิน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีให้กับผู้ใช้บริการทุกคน ทั้งในสภาวะปกติและในช่วงที่เราทุกคนต้องร่วมฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19 ซึ่งปีงบประมาณ 2565 AOT คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการสนามบิน 6 แห่งรวม 45 ล้านคน ฟื้นตัว 33% และจะกลับมาฟื้นตัวเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2567 ที่จำนวน 142 ล้านคน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(International Air Transport Association : IATA) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) และ S&P Global ได้คาดการณ์ไว้ 

ขณะที่ปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเป็นปีที่ 43 ของ AOT คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมทั้ง 6 สนามบินของ AOT จำนวน 96 ล้านคน ฟื้นตัว 68% เมื่อเทียบกับระดับผู้โดยสารก่อนเกิดโควิด-19 และคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2567 ดังนั้น จึงถือได้ว่าในปีที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นปีที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ AOT ต้องเฝ้าระวังปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการเดินทางของผู้โดยสาร เช่น นโยบายการเปิดประเทศของจีน โอกาสการกลับมาระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หรือโรคระบาดอื่นๆ เป็นต้น โดยนโยบายการเปิดประเทศจีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีการเปิดประเทศในเดือนตุลาคม 2565 AOT จะได้ประโยชน์จากช่วงวันหยุดยาวประจำชาติจีน (Golden Week) หรือหากเปิดประเทศในเดือนมกราคม 2566 ก็จะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่หากพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว AOT ก็จะเสียโอกาสช่วงดังกล่าวไป ดังนั้น จึงถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่าย เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยกัน

นายนิตินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 AOT สามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 141.87 ล้านคน ดังนั้น ไม่ว่าปริมาณผู้โดยสารจะฟื้นตัวกลับมาในปีไหน AOT ก็ยังคงพร้อมให้บริการอยู่เสมอ เนื่องจากที่ผ่านมา เราไม่เคยลดคุณภาพการให้บริการ ไม่เคยลดจำนวนพนักงาน อีกทั้งยังคงมีการฝึกอบรมบุคลากร รวมถึงการต่อใบอนุญาตตามมาตรฐานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่มาโดยตลอด ซึ่งในปีที่ 43 AOT ยังเดินหน้าพัฒนาการให้บริการในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น เช่น ทสภ.อยู่ระหว่างทดสอบระบบต่างๆ ของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) เพื่อเตรียมเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสาร ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ.ในการรองรับปริมาณผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี และอยู่ระหว่างก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ซึ่งมีความก้าวหน้า 35.68% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 เพื่อรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมงและรองรับเที่ยวบินในช่วงที่มีการปิดซ่อมทางวิ่งเส้นที่ 1 และเส้นที่ 2 

ส่วนที่ ทดม.จะเริ่มเปิดใช้งาน Taxi Drop Lane ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งจะเพิ่มช่องจราจรแยกเฉพาะรถแท็กซี่ จำนวน 2 เลน เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดหน้าอาคารผู้โดยสาร และ ทชร.อยู่ระหว่างก่อสร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือ และปรับปรุงทางขับท้ายหลุมจอด พร้อมทางขับ A และ B โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน(Maintenance, Repair and Overhaul : MRO) และปรับปรุงพื้นที่หัวทางวิ่งด้าน 03 และ 21 เป็นต้น

นอกจากการพัฒนาสนามบินที่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทแล้ว AOT พร้อมก้าวเข้าสู่การบริหารยุคนวัตกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและการดำเนินการ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลมากมายที่กระจายอยู่ทั่วองค์กรมาทำการศึกษาข้อมูล นำไปวิเคราะห์โดยคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ทำความเข้าใจให้ทุกส่วนเชื่อมโยงกัน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การบริหารจัดการและให้บริการในโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบภายใต้โครงการ AOT Digital Platform ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการด้วยความสะดวกสบาย ปลอดภัย และรวดเร็ว ทั้งด้านการเดินทางและการรับ-ส่งสินค้าทางอากาศ 

นายนิตินัย กล่าวในตอนท้ายว่า จากการที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร จึงคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น AOT มีความมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการและอำนวยความสะดวกผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของ AOT ในการดำเนินธุรกิจด้วยมาตรฐานเหนือระดับ สร้างมูลค่าเพิ่มและสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืนต่อไป