BBGI ผนึกพันธมิตรระดับโลก รุกตลาดผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง

ผู้ชมทั้งหมด 1,077 

BBGI ส่งบริษัทร่วมทุนพันธมิตรระดับโลก “วิน อินกรีเดียนส์” ลุยขยายตลาดธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง พร้อมชูเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง โมเดลสร้าง New S-Curve สนองนโยบาย BCG ของภาครัฐ

นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) ถือเป็นธุรกิจ New S-Curve ใหม่ของ BBGI โดยจะดำเนินการผ่านโมเดลธุรกิจด้วยการเป็น Strategic Partner กับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง ต่อยอดจากพื้นฐานความชำนาญและประสบการณ์ของ BBGI ในฐานะผู้นำธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ของประเทศไทย 

ปัจจุบัน BBGI ได้ร่วมเป็นพันธมิตรและลงทุนในบริษัท Manus Bio Inc. (“Manus”) บริษัทจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง ที่มีความเชี่ยวชาญในการค้นคว้าวิจัย และพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่มีความหลากหลาย ซึ่ง BBGI สามารถนำองค์ความรู้มาต่อยอดเพื่อทำการวิจัย พัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงได้เป็นอย่างดี เพื่อผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสีเขียวที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับโลก

สำหรับความคืบหน้าโครงการในปัจจุบัน BBGI ได้ร่วมกับ Manus จัดตั้งบริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด (“WIN”) เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงของ Manus ในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม 12 ประเทศ ซึ่ง WIN ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการผลิตและจำหน่าย โดยปัจจุบันได้เริ่มทำการตลาดผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ผลิตจากเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงของ Manus ภายใต้แบรนด์ ‘NutraSweet’ ที่ให้ความหวานและรสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาล แต่ไม่มีแคลอรี่ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานจากหญ้าหวาน (Reb M) สำหรับใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่ม และ ผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานบรรจุซอง (Table Top) สำหรับจำหน่ายให้ลูกค้าผู้ประกอบการร้านกาแฟ ร้านอาหาร โรงแรมและผู้บริโภคทั่วไป

นอกจากนี้ WIN ได้เริ่มแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวใน 5 ประเทศหลักในภูมิภาคเอเชีย และ อยู่ระหว่างกระบวนการเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าเพื่อพัฒนาเป็นสูตรสินค้าจัดจำหน่ายต่อไป

ทั้งนี้ BBGI มีความมุ่งมั่นในการประยุกต์ใช้นวัตกรรมสีเขียวในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ส่วนประกอบชีวภาพในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Bio-Nutrition Ingredients) ส่วนประกอบชีวภาพในเครื่องสำอาง (Biocosmetic Ingredients) ส่วนประกอบชีวภาพในยา (Bio-Pharmaceutical Ingredients) และวัสดุชีวภาพ/สารออกฤทธิ์ชีวภาพ (Bio-Materials / Active Ingredients)

รวมถึง มุ่งต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำในรูปแบบ B2B และ B2C เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพโดยตรงภายใต้แบรนด์ B Nature Plus โดยเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมจากสารสกัดแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ผ่านช่องทางจำหน่าย Facebook : @BNaturePlus  และLine@official : @BNaturePlus  และช่องทาง Market Place เช่น Lazada Mall : BBGI Flagship Store และ Shopee  Mall : BBGI Official Store และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้แบรนด์ B Nature Plus เพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย 

“ BBGI มีความพร้อมและศักยภาพด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) ที่จะตอบสนองแนวนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เป็นวาระแห่งชาติผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ ”

โดย BBGI ได้เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง หรือ Advanced Biotechnology ซึ่งเป็นนวัตกรรรมใหม่ของเทคโนโลยีชีวภาพที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคต จากการนำวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง หรือวัตถุดิบทางการเกษตรอื่นๆ มาผ่านกระบวนการทางชีวภาพด้วยจุลินทรีย์ที่ออกแบบขึ้นด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตั้งแต่ส่วนประกอบชีวภาพในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค หรือส่วนประกอบชีวภาพในยารักษาโรค ที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกได้เริ่มพัฒนาและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี SynBio มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแล้ว เช่น ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์จากพืชที่มี รสชาติ กลิ่น และ สัมผัส เหมือนกับเนื้อสัตว์จริง (Plant-Based meat) หรือ ผลิตภัณฑ์ทดแทนโปรตีนนมที่มีรสสัมผัส และ คุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่านมวัว ตอบรับเทรนด์ Health and Wellness ของผู้บริโภคทั่วโลก