BPP ลุ้นปิดดีลM&Aโรงไฟฟ้าในสหรัฐเพิ่มเร็วๆนี้

ผู้ชมทั้งหมด 916 

“บ้านปู” เผยปีหน้าลุ้นทำดีล M&A คาดไตรมาส 4 ราคาก๊าซฯและถ่านหิน ยังยืนระดับสูง รับความต้องการใช้ช่วงฤดูหนาว ลั่นเดินหน้านำ BKV เข้าระดมทุนตลาดฯสหรัฐ ด้าน “บ้านปู เพาเวอร์” แย้มอยู่ระหว่างทำดิวดิลิเจ้นท์ โรงไฟฟ้าในสหรัฐพร้อมลุ้นปิดดีลเพิ่มเร็วๆนี้ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ เตรียมรับปัจจัยหนุนจากตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี คงเป้ามีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือแตะ 5,300 เมกะวัตต์ในปี 2568  

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยในงาน Oppday Q3/2022 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) BANPU เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565 โดยระบุว่า แผนการลงทุนของบริษัทในปี 2566 ยังเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ตามการเติบโตของบริษัทลูก คือ บ้านปู เพาเวอร์ และ บ้านปู เน็กซ์ ส่วนแผนการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) คาดว่า จะมีขึ้นได้ภายในปีหน้า รวมถึงจะเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นด้วย

“ขณะนี้ เราอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการนำบริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บ้านปูถือในสัดส่วน 96.12% เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพยฯสหรัฐ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า”

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส4 ปีนี้ คาดว่า ในส่วนของราคาปีนี้จะดีขึ้นจากปีก่อน แต่จะมากหรือน้อยยังต้องรอดราคาเฉลี่ยที่ชัดเจนอีกครั้ง โดยราคาก๊าซฯ และถ่านหินในระยะสั้นจากนี้ไปถึงช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง ซึ่งราคาก๊าซฯเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ กว่า 6 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ขณะที่ราคาถ่านหิน อยู่ที่ประมาณ 370-380 ดอลลาร์ต่อตัน โดยในส่วนของกำลังการผลิตถ่านหินยังเข้มแข็งทั้งใน จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบทำประกับความเสี่ยง (Hedging) ราคาถ่านหิน เนื่องจากปัจจุบันราคายังอยู่ในระดับแข็งแกร่งเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว แต่จะเน้นเรื่องการขายถ่านหินภายใต้สัญญาคงที่ ให้มากขึ้น ขณะที่ในส่วนของก๊าซฯ ก็ยังไม่มีการทำ Hedging เพิ่มเติ

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BPP เปิดเผยในงาน Oppday Q3/2022 บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BPP โดยระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส4 ปีนี้ อยากให้จับตาประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐ ที่จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ขายไฟเข้าสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี ที่มีอัตราผลตอบแทนที่ดีได้เพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในลาว ที่ยังสามารถเดินเครื่องการผลิตจ่ายไฟฟ้าตามคำสั่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ได้ในปริมาณสูง ขณะที่โรงไฟฟ้า SLG ในจีน เริ่มมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้ไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีกำไร และคาดว่าจะต่อเนื่องไปในไตรมาส 4 ปีนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้บรรลุเป้าหมายกำลังผลิต 5,300 เมกะวัตต์ ในอีก 4 ปีข้างหน้าหรือ ภายในปี 2568 ส่วนงบลงทุนในปีนี้ ที่ตั้งไว้อยู่ที่ 700 ล้านดอลลาร์ฯ คาดหวังว่าจะเป็นไปตามแผน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาทำ Due Diligence ในสหรัฐฯอยู่ คาดว่าจะมีความชัดเจนประกาศออกมาในเร็วๆนี้

ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวมอยู่ที่ 4,256 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อยู่ที่ 3,253 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 1,003 เมกะวัตต์