EA เปิดโรงงานแบตเตอรี่ 12 ธ.ค.นี้

ผู้ชมทั้งหมด 1,130 

“พลังงานบริสุทธิ์” เตรียมเปิดโรงงานแบตเตอรี่ อย่างเป็นทางการ 12 ธ.ค.นี้ กำลังผลิต 1 GWh ก่อนขยายเป็น 4 GWh ใน 2-3 ปี ขณะที่ปี 65 หวังเก็บเกี่ยวผลลงทุน EA-แบตเตอรี่-พลังงานหมุนเวียน หนุนผลงานดำเนินงานโตต่อเนื่อง

นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA เปิดในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนQ3/2021 วันที่ 22 พ.ย.2564 โดยระบุว่า บริษัท เตรียมเปิดโครงการแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน Amita Technology (Thailand) หรือ โรงงานแบตเตอรี่ ระยะแรก ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ของบริษัท ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) จะเปิดดำเนินการผลิต อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค.2564 โดยปัจจุบันได้นำเข้าเซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของ Amita Technologies Inc. ไต้หวัน เพื่อนำมาประกอบเป็นแพ็คและโมดูลในสายการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองการใช้ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ของบริษัทฯ ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า และหากความต้องการใช้แบตเตอรี่เติบโตขึ้น คาดว่า ใน 2-3 ปีข้างหน้า จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไปสู่ระดับ 4 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปีได้

ส่วนโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า คาดว่า จะเริ่มผลิตรถออกมาในช่วงไตรมาส 1-2 ปีหน้า ซึ่งระยะแรกจะเป็นการผลิตรถขนาดใหญ่ เช่น รถโดยสารไฟฟ้า และระยะถัดไป จะเป็นการผลิตรถขนาดเล็ก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมและในอนาคตจะเห็นความชัดเจนเกิดขึ้น

นอกจากนี้ บริษัท ยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 1 ปีหน้า และจะส่งผลต่อการรับรู้รายได้ที่ดีขึ้นในช่วงสิ้นไตรมาส1

“ในปี65 จะไม่ใช่ปีที่ลงทุน แต่จะเป็นปีที่เก็บเกี่ยวผลจากสิ่งที่ลงทุนไป ซึ่งจะมีผลออกมาให้เห็นในปีหน้า ทั้งการเปลี่ยนแผงโซลาร์ฯ ธุรกิจEV และแบตเตอรี่ ดังนั้น การเติบโตในปี65 จะขับเคลื่อนจากธุรกิจที่แล้วเสร็จ คือ โรงงานแบตเตอรี่ และโรงงานประกอบรถไฟฟ้า ขณะที่การเติบโตของรายได้ใน 3-5 ปี ก็จะมาจาก  2 ธุรกิจนี้เป็นหลัก”

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลัก สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของโครงการโซลาร์ฟาร์ม และวินด์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ และจากธุรกิจแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่จะทยอยส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้า โดยในส่วนของโรงงานผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังเสร็จครบทั้งหมดจะมีกำลังการผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 3,000 คันต่อปี

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการสนับสนุนใช้รถ EV ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป และส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนมาใช้รถ EV เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจใหม่ของกลุ่ม EA เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ จากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับภาคเอกชน และเจาะตลาดหน่วยงานภาครัฐ

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย ในไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ  1,616.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 497.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.44% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิรวม 1,119.00 ล้านบาท ส่วนในงวด 9 เดือน ของปี 2564  มีกำไรสุทธิ 4,218.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 498.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.39% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,720.48 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64  ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้รับปัจจัยหนุนจากทั้งจากธุรกิจไบโอดีเซล โรงไฟฟ้า ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่ทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้า ตามแผนงานที่วางไว้