GPSCกวาดกำไรไตรมาส1/64พุ่ง35%

ผู้ชมทั้งหมด 886 

GPSC ไตรมาส 1/64 กวาดกำไร 1,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาส 4/63 หลังความต้องการใช้ไฟฟ้า-ไอน้ำภาคอุตสาหกรรมเติบโต พร้อมนำมาตรการคุมเข้มหน่วยผลิตป้องกันโควิด-19 ระลอกใหม่

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2564  บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 35% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563

สำหรับผลกำไรสุทธิที่เติบโตเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และเงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด แม้ว่าผลจากการดำเนินงานในส่วนของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า IPP ทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายลดลง แต่กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มี margin สูงขึ้นจากการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติและราคาถ่านหิน รวมถึงความต้องการใช้ไอน้ำที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าอุตสาหกรรม 

นอกจากนี้ GPSC ยังรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษีจำนวน 224 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2564 ซึ่งส่วนหลักได้รับจากการบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงรักษา การใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน และการบริหารจัดการเถ้าถ่านหิน (Coal ash)

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยได้ขายหุ้น GRP ในสัดส่วนร้อยละ 50 ให้กับบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายหุ้นดังกล่าว และส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ผลประกอบการจาก GRP เป็นส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมภายหลังการดำเนินการขายหุ้นแล้วเสร็จ

ทั้งนี้การร่วมทุนดังกล่าวเป็นอีกก้าวของการยกระดับความร่วมมือเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต นับเป็นการรวบรวมบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียนจากทั้ง ปตท. และ GPSC มาดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป

อย่างไรก็ตามจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่นั้น GPSC มีมาตรการคุมเข้ม โดยห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการ พร้อมออกระเบียบให้พนักงานสายงานสนับสนุน ปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) 100% การเตรียมแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจสำหรับสายปฏิบัติการ และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในหน่วยผลิตให้สามารถเดินหน้าผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้แสวงหาพันธมิตรในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ เพื่อรองรับกับเทรนด์การพัฒนาพลังงานแห่งอนาคต โดยเฉพาะการต่อยอดเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เพื่อใช้ในยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่ม ปตท.ในการบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร