PTTปี64ลุยธุรกิจเทรดดิ้งในสหรัฐฯเต็มสูบ

ผู้ชมทั้งหมด 955 

PTT เดินหน้า Project One จัดทัพ 3 โรงกลั่นลุยธุรกิจเทรดดิ้งเต็มพิกัดวางเป้า 5 ปีสร้างมูลค่าทางธุรกิจ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดเม.ย. 64 เทรดพลังงานในสหรัฐอย่างเป็นทางการ หวังโควิด-19 คลี่คลาย เศรษฐกิจฟื้นตัวหนุนปริมาณการค้าปี 64 กลับมาที่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปีนี้คาดลดลง 8-9%

นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการ Project One ของกลุ่มปตท.นั้นเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่สร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในระดับโลก  โดยปัจจุบันกลุ่ม ปตท.ได้มีการจัดตั้งออฟฟิศในต่างประเทศเพื่อดำเนินธุรกิจเทรดดิ้งในหลายประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา สำหรับดำเนินธุรกิจเทรดดิ้ง

โดยในสหรัฐนั้นได้จัดตั้ง PTT International Trading USA Inc. (PTTT USA) และ UAE Office คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเทรดดิ้งได้อย่างเป็นทางการในเดือน เม.ย. 64 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำแผนและศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากได้รับผลกระทบไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปรับเป้าหมายการเทรดใหม่ จากเดิมตั้งเป้าหมายจะเริ่มเทรดในปริมาณ 30,000 บาร์เรลต่อวัน

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานของหน่วยธุรกิจเทรดดิ้งในปี 63 คาดว่าปริมาณการค้า หรือ การเทรดดิ้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ที่ครอบคลุมทั้ง น้ำมันดิบ คอนเดนเสท ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จ ปิโตรเคมี ตัวทำละลาย เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) และการค้าอนุพันธ์ จะลดลงประมาณ 8-10% จากปี 62 มีปริมาณเทรดราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปีนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และส่งผลกระทบต่ออุปสงค์การใช้น้ำมัน (Demand) ทั่วโลกลดลง ประกอบกับความผันผวนของราคาน้ำมัน แต่ยังมั่นใจว่าในปีนี้ธุรกิจเทรดดิ้งจะยังสร้างกำไรให้กับ ปตท.

ขณะที่ปี 64 กลุ่ม ปตท.ตั้งเป้าว่าปริมาณการเทรดจะกลับมาใกล้เคียงปี 62 ที่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดหวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 จะคลี่คลายลง เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลต่ออุปสงค์การใช้น้ำมันทั่วโลกจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่ก็ต้องลุ้นไม่เกิดปัญหาข้อพิพาทในตะวันออกกลาง หรือเกิดสงครามการค้าอีก พร้อมตั้งเป้าหมายขยายสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศในส่วนของ out-out เพิ่มเป็น 50% ของปริมาณการเทรดในระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีนี้ out-out มีสัดส่วนอยู่ที่ 48%

สำหรับธุรกิจปลายน้ำ (Downstream) ได้มีความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มโรงกลั่นในเครือปตท. ประกอบด้วย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC   และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ก็มีการจัดทำแผนสร้างมูลค่าทางธุรกิจ (Synergy) ภายใต้กลยุทธ์ Project One เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ หรือ ธุรกิจเทรดดิ้ง (Trading) ตลอดจนเป็นการสร้างพลังร่วมของกลุ่ม และบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่ธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ความร่วมมือของ 3 บริษัทภายใต้ Project One นั้นเป็นการบริหารจัดการ และจัดซื้อน้ำมันดิบร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองในตลาดการค้า หากจัดซื้อร่วมกันในปริมาณมาก และไม่เกิดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนในกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น เป็นต้น โดยปัจจุบัน โครงการ Project One อยู่ระหว่างริเริ่มจัดทำแผนในการดำเนินการร่วมกัน พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะเริ่มเทรดร่วมกันในปี 64 คาดว่า 5 ปีช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 3,200 ล้านบาท