STEC ลั่นปีนี้รายได้โต 10% ตุนแบ็คล็อก 1.1 แสนล้าน ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 4 ปี

ผู้ชมทั้งหมด 604 

STEC ตุนแบ็คล็อก 1.1 แสนล้าน ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 4 ปี ขณะที่ปีนี้มั่นใจรายได้โต10% ขณะที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงเฉลี่ย 10-20% กระทบความสามารถการทำกำไร ส่วนทิศทางการลงทุนปีหน้าจับตาเลือกตั้งใหญ่กระทบงานประมูลไม่ต่อเนื่อง  

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า ในปี 2565 คาดว่ารายได้จะเติบโต 10% เทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้ 27,930 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้สามารถเข้าพื้นงานก่อสร้างได้มากขึ้น หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด – 19 คลี่คลายดีขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ภาพรวมรายได้จะเติบโต แต่ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10-20% นั้นส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ STEC ในปีนี้   

ขณะที่การขาดแคลนแรงงานก็เป็นอีกผลกระทบหนึ่งที่ต้องแก้ปัญหา ซึ่งบริษัทฯ ก็จะพยายามนำเข้าแรงงานต่างด้าว แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐว่าจะผ่อนปรนได้มากน้อยแค่ไหนในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวพร้อมกันนี้ STEC ยังได้นำเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งในอนาคตก็ต้องเพิ่มเครื่องจักร และการเปิดทำงานล่วงเวลา เพื่อชดเชยการขาดแคลนแรงงาน

ส่วนการประมูลงานในปีนี้ทั้งงานของภาครัฐ และเอกชน STEC ชนะการประมูลและได้ลงนามในสัญญางานก่อสร้างเข้ามาเพิ่มแล้วรวมกว่า 20,000 ล้านบาท สิ้นปี 2565 มั่นใจว่าจะสามารถลงนามในสัญญางานใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 40,000 ล้านบาท ช่วยหนุนให้มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog ราว 110,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่อง 4 ปี (2566-2570) ซึ่งจากที่มี Backlog อยู่จำนวนมากก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตมากกว่าในปี 2565

สำหรับทิศทางการลงทุนเมกะโปรเจ็ก ด้านโครงสร้างพื้นฐานในปี 2566 ของภาครัฐนั้นก็ต้องติดตามการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล ซึ่งการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่อาจจะเกิดความล่าช้าบ้างสำหรับงานที่จะออกมาประกวดราคา ทำให้การประกวดราคาบ้างโครงการของภาครัฐไม่ต่อเนื่อง แต่ก็เชื่อว่ารัฐยังคงต้องใช้เรื่องการลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งตนเชื่อว่ามูลค่าโครงการที่ภาครัฐจะออกมาประกวดราคาในปีหน้าจะไม่น้อยไปกว่าปีนี้แน่นอน ซึ่งโดยปกติภาครัฐจะประกาศลงทุนอยู่ในระดับ 5-6 แสนล้านบาทต่อปี

“งานประมูลของภาครัฐนั้นส่วนจะเป็น โครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ โครงการก่อสร้างถนนของ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกรมทางหลวง (ทล.) หรือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ลงทุนในรูปแบบเอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ  (Public Private Partnership: PPP) ทาง STEC ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลทุกโครงการ” นายภาคภูมิ กล่าว

นายภาคภูมิ  กล่าวถึงการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มว่า ที่ STEC ไม่ได้เข้าร่วมยื่นซองประกวดราคานั้นเนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ซึ่งต้องเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ก่อสร้างขุดเจาะอุโมงค์โครงการรถไฟฟ้าที่เปิดใช้งานแล้ว ซึ่ง STEC มีงานขุดเจาะอุโมงค์โครงการรถไฟฟ้าสายส้มอยู่ ณ ปัจจุบันดำเนินงานยังไม่แล้วเสร็จ หากจะเข้าร่วมประกวดราคาก็จะต้องหาพันธมิตรที่มีประสบการณ์งานขุดเจาะอุโมงค์โครงการรถไฟฟ้า ซึ่ง STEC ไม่สามารถหาพันธมิตรได้ทัน