SUSCOเตรียมอัดแคมเปญรับเปิดประเทศภายใน120วัน

ผู้ชมทั้งหมด 979 

SUSCO เตรียมอัดแคมเปญใหญ่กระตุ้นยอดขายรับนโยบายนายกรัฐมนตรีประกาศประเทศภายใน 120 วัน รับโควิดระลอกใหม่ฉุดยอดขายน้ำมันเม.ย.-มิ.ย.ลด 20% แต่ไม่กระทบสภาพคล่อง พร้อมลงทุนตามแผนขยายปั๊ม 20 แห่ง

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2564 เตรียมเพิ่มแคมเปญ เพื่อกระตุ้นยอดขายน้ำมันรองรับการเปิดประเทศตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ขณะเดียวกันนี้ในสิ้นปีบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ด้วย

“การเปิดประเทศตามนโยบายนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเราก็เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ก็ต้องมีมาตรการที่ดีด้วยในการควบคุมสถานการณ์ในช่วงที่เปิดประเทศ ซึ่งอาจจะเริ่มทยอยเปิดประเทศในจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโต หรือเมืองเศรษฐกิจก่อน”

ทั้งนี้จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันของ SUSCO ตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน 2564 มียอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการราว 30 ล้านลิตรต่อเดือน ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่มียอดขายในระดับ 40 ล้านลิตรต่อเดือน

ส่วนยอดขายน้ำมันอากาศยานมียอดขายลดลงเหลือราว 10 ล้านลิตรต่อเดือนจากที่ขายอยู่ในระดับ 40 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งหลังจากมีการเปิดประเทศก็คาดว่าจะทำให้ยอดขายน้ำมันอากาศยานปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันให้กับประเทศเพื่อนบ้านเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตามจากที่ยอดขายน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนั้นอาจจะส่งผลต่อภาพรวมยอดขายน้ำมันในไตรมาส 2/2564 ของบริษัทลดลง อย่างไรก็ตาม SUSCO ก็มีการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่าย และการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสภาพคล่องจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันก็มีแผนจัดหาเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องตลอดเวลาอยู่แล้ว

สำหรับการลงทุนในปีนี้ยังคงดำเนินการลงทุนตามแผน โดยมีเป้าหมายการใช้งบลงทุนราว 550 ล้านบาทสำหรับลงทุนขยายสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 20 สาขา เน้นขยายในพื้นที่ภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2564 ดำเนินการขยายไปแล้ว 13 สาขา หากขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันได้ตามแผนก็จะส่งผลให้ปีนี้ SUSCO มีปั๊มเป็น 260 สาขา

นอกจากนี้แล้วยังลงทุนในการปรับปรุงภาพลักษณ์ปั๊มน้ำมันเดิมอีก 50 แห่ง ภายใต้สโลแกนใหม่ “Fuel Your Day เติมพลังให้วันของคุณ” พร้อมกันนี้ยังใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน (Non-Oil) ไม่ว่าจะเป็นการขยายร้านสะดวกซื้อ Lawson108 อีก 10 สาขาในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 38 สาขา และขยายร้านกาแฟที่ดำเนินการโดยพันธมิตร 5-10 สาขา ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟดิโอโร่ และร้านกาแฟสตาร์บัคส์

นายชัยฤทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างน้ำมันชีวภาพ ว่า เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างน้ำมันชีวภาพให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายทั้งผู้บริโภค และส่งเสริมเกษตรกร ซึ่งในขณะนี้ราคาเชื้อเพลิงชีวภาพสูงมาก เช่น  ไบโอดีเซลบี 100 ราคาประมาณ 38-40  บาทต่อลิตร เอทานอลราว 26 บาทต่อลิตร ในขณะที่ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ราว 16 บาทต่อลิตร เมื่อผสมเป็นบี 10 ราคาสูงขึ้นมาก

ดังนั้นหากปรับโครงสร้างใหม่ ก็ควรให้ยืดหยุ่น ไม่ควรกำหนดสูตรน้ำมันตายตัวเป็น บี10 แต่ ควรกำหนดเป็นช่วงของการผสม เช่น บี5-10 โดยดูถึงสถานการณ์ราคาปาล์ม และช่วงของการผลิตว่าล้นหรือขาดแคลน ขาดแคลนแล้วราคาสูง ก็สามารถปรับสัดส่วนของการผสมน้ำมันชีวภาพลงมา ในขณะที่หากผลผลิตการเกษตรล้นตลาดราคาถูกก็เพิ่มสัดส่วนการผสมขึ้นไป ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ช่วยเกษตรกร และไม่สร้างภาระต่อผู้ใช้น้ำมัน